วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ห้องอาหารจีนซิงฟู

            ถ้าจะพูดถึงติ่มซำ ตอนนี้ที่ไหนๆ ก็มีให้เลือกกินมากมาย แต่วันนี้ผมเลือกมากินที่ห้องอาหารจีนซิงฟูของโรงแรมโลตัส สุขุมวิท กรุงเทพ เพราะsudsaiได้ยินมาว่าที่นี่เขามีติ่มซำมากกว่า 20 ชนิด สำหรับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ และเป็นสไตล์เสฉวนซึ่งเป็นของโปรดของsudsai ด้วย
    เราตัดสินใจขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร พอลิฟท์เปิดออกฉันก็เห็นพนักงานสาวน่ารักในชุดจีนแบบประยุกต์ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าน่ารักๆ พนักงานพาเราไปนั่งที่โต๊ะขนาด 2 คน (ฉันมาทานกับเพื่อน) พนักงานที่นี่ให้บริการแบบเป็นกันเองจนฉันประหลาดใจ พูดคุยกับผมเหมือนกับฉันเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้านคนหนึ่ง เขาให้เราเลือกชนิดซุปก่อน
    ซึ่งก็มี ซุปเสฉวนเนื้อปู ซุปปลาตุ๋นแอ็ปเปิ้ล และอีกเมนูนึงซึ่งฉันเองก็จำไม่ได้ แต่ฉันกับเพื่อนเลือก ซุปเสฉวนเนื้อปู ซุปปลาตุ๋นแอ็ปเปิ้ล จากนั้นไม่นานขบวนพาเหรดติ่มซำ ทั้งของทอด ของนึ่งก็ต่างมาเสิร์ฟกันที่โต๊ะ ของเยอะมากค่ะ เยอะจนน่าตกใจ ที่นี่เขาไม่เอามาให้แบบยึกๆยักๆ เขาเอามาลงให้ทั้งชุด ซึ่งก็ว่าดี เพราะตอนนั้นเป็นเวลากลางวัน และฉันก็มีเวลาน้อย เพราะตั้งใจจะไปดูหนังที่ห้างเอ็มโพเรี่ยมกับเพื่อนต่อ
    เมนูที่นี่เขามี กุ้งนึ่งหน่อไม้ฝรั่ง, ก๋วยเตี๋ยวหลอดรวมมิตร, ซี่โครงหมูกับเต้าซี่, หอยมุกสอดไส้กุ้งนึ่ง, และอีกมากมาย ในราคาเพียงคนละ 583 บาทเท่านั้น ถึงกับต้องใช้คำว่าเท่านั้น เมื่อเทียบกับปริมาณของ แถมเขายังมีผลไม้เสิร์ฟ หรือจะเลือกเป็นแมงโก้ พุดดิ้ง หรือเป็นสาคูแคนตาลูปก็ได้  บุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่นี่เขาเปิดมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ ซึ่งก็ราคาเดียวกัน
    ดิฉันสอบถามพนักงานเพิ่มเติมว่าห้องที่แบ่งเป็นห้องส่วนตัวนั้นถ้าจะพาครอบครัว หรือเพื่อนๆ มาสังสรรค์ คิดราคาค่าห้องเท่าไหร่ ก็ได้คำตอบที่น่าประทับใจมากค่ะ เขาให้บริการฟรีแต่ต้องโทรมาจองล่วงหน้า จะได้จองห้องไว้ให้
   ส่วนเมนูอาหารจีนจานอื่นก็เริ่มต้นที่ราคา 200 บาท
ใครอยากไปลิ้มลองความอร่อยและคุ้มค่าขอเชิญเลยที่ 
ห้องอาหาร Xing Fu (ห้องอาหารจีนซิงฟู)
BANGKOK HOTEL LOTUS SUKHUMVIT 
1 Soi Daeng Udom Sukhumvit 33 Rd., Bangkok Thailand 10110      
Telephone: +66 (2) 610 0111 Fax: +66 (2) 262 1700
   

Yes R&B Karaoke


YES!!! R&B KARAOKE เจิดจรัสจากนักธุรกิจตัวยงที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี อย่างคุณตัน ภาสกรนที ผลุดไอเดียเปิดร้านคาราโอเกะสุดอินเทรนด์  ผสมผสานการตกแต่ง และเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้ล้ำไปด้วยกัน เน้นความต่างจากร้านคาราโอเกะทั่วไป แต่ละห้องถูกดีไซน์จากสุดยอดศิลปินเมืองไทย อาทิ โน้ส อุดม แต้พานิช , อัจฉรา บุรารักษ์ , วาริษา ภาสกรนที และศิลปินสุดเจ๋งอีกคับคั่ง มีสไตล์การตกแต่งแตกต่างกันไป สัมผัสกับหลากหลายบรรยากาศไม่ว่าจะเป็นแบบห้องขัง , ร้านตัดผม , โรงหนัง , ห้องน้ำ และอีกกว่า 30 ห้องต่างมีดีไซน์เก๋ไก๋เป็นที่สุด




ห้องคาราโอเกะแบ่งขนาดของห้องออกเป็น SIZE S รับรองลูกค้าได้ 6 คน  SIZE M รับรองลูกค้าได้ 10 คน  SIZE L รับรองลูกค้าได้ 14 คน และ BIG SIZE รับรองลูกค้าได้ถึง 20 คนส่วนเรื่องอัตราค่าบริการ คิดแบบบุฟเฟ่ต์ราคาท่านละ 399 บาท ในเวลา 17.30 – 21.00 หลังจาก 21.00 -01.00 น. อัตราค่าห้องคิดเป็นรายชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 400-1,200 บาท
(ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง) สำหรับอาหาร เครื่องดื่ม บริการตามเมนู




บุฟเฟต์ ก็น่าลิ้มลอง


ฉิ่งฉับทัวร์

Bathroom

69

Log home

โรงลิเก

camp fire

วินมอเตอร์ไซต์

เห็นหมี

Dream girls

Prison Break

Academy 

Studio

Theater

อัจฉราบาร์เบอร์

Marrakech

Neon

Groovy

Boogie Woogie

Hall of Frame

Bubble

Dream Chester


กฎกติกาในการรับประทานแบบ บุฟเฟ่ต์นะค่ะ  (ค่าน้ำที่นี่จะโหดหน่อยนะค่ะ ถ้าเป้นน้ำเปล่า โค๊ก แป๊บซี่ ก็จะประมาณ 60 บาทค่ะ)

ร้าน  Yes R&B Karaoke อยู่ที่  Arena ทองหล่อ ซอย 10 เปิด จันทร์ - อาทิตย์  เวลา 11.00 - 02.00

โทรศัพท์
026754224,023923774
เว็บไซต์

 ขอบคุณที่มา  yes R&B Karaoke




บัวลอยไข่เค็ม คลองสาน

"บัวลอยไข่เค็ม"คลองสาน หอมหวานชวนชิม




สำหรับร้านบัวลอยไข่เค็มที่ท่าน้ำคลองสานพลาซ่าร้านนี้ หากใครเป็นนักช้อปที่เคยไปเดินซื้อของที่ท่าน้ำคลองสานพลาซ่าแล้วละก้อ คงต้องสะดุดตากับร้านบัวลอยร้านเล็กๆร้านนี้ที่มีลูกค้ามุงซื้อบัวลอยที่ส่งกลิ่นหอมๆของบัวลอยยั่วจมูกอยู่กันบ้างล่ะ
    
       ความโดดเด่นของบัวลอยร้านนี้ไม่ใช่แต่ในเรื่องของรสชาติเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้บัวลอยร้านนี้เด่นไม่เหมือนร้านไหนๆ นั่นก็คือ บัวลอยที่นี่มีด้วยกันถึง 7 สีด้วยกัน โดยได้มาจากการที่นำแป้งข้าวเหนียวมาผสมกับสีที่ได้มาจากพืชผักทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวทำมาจากน้ำใบเตย สีขาวได้จากเผือก สีฟ้าได้มาจากอัญชัน สีเหลืองจากฟักทอง สีม่วงทำมาจากข้าวเหนียวดำ สีส้มได้จากแครอท และสีชมพูได้มาจากบีทรูท ซึ่งจะไม่ใช้สีสังเคราะห์ในการทำอย่างเด็ดขาด เพราะว่าทางร้านคำนึงถึงสุขภาพของลูกค้า

บัวลอยไข่เค็ม

บัวลอยหลากสีสันปั้นเป็นเม็ดเล็กๆ กลมๆ ดูน่ากิน และราดหน้ามาด้วยกะทิสีเขียวอ่อนที่ผสมกับน้ำใบเตย แล้วก็ยังมีเครื่องอย่างมะพร้าวอ่อนข้าวโพด แห้ว และเผือก ใส่มาด้วย (แต่ถ้าไม่ใส่ก็บอกได้) และที่สำคัญมีไข่เค็มลูกใหญ่สีส้มสดใส่มาทั้งลูก ได้ลองลิ้มชิมรสแล้ว สัมผัสได้ถึงความหอม หวาน ของบัวลอยที่แป้งบัวลอยเคี้ยวนุ่ม เข้ากันดีกับไข่เค็มที่ไม่ได้ออกรสชาติไม่เค็มอย่างที่คิด แต่ว่าออกรสชาติมันๆ เคี้ยวมันปากดี

บัวลอยไข่หวาน

และอีกหนึ่งเมนูที่อยากแนะนำ บัวลอยไข่หวาน จะแตกต่างจากบัวลอยไข่เค็ม ก็แค่ตรงที่เป็นไข่หวาน ซึ่งทางร้านจะนำไข่ไก่ตอกลงไปในหม้อน้ำกะทิที่ผสมกับน้ำตาลไว้นั้น รอจนไข่สุกลอยตัวขึ้นมาก็ตักใส่ถ้วยบัวลอย เสิร์ฟมาร้อนๆ เคี้ยวบัวลอยเนื้อนุ่มเคล้ากับไข่หวานรสหวานนุ่มละมุนลิ้น และซดน้ำบัวลอยหอมหวานตาม ชื่นใจสุดๆ

    
       
นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูบัวลอยอื่นๆ อีกหลากเมนูให้เลือกสั่งมากินกัน อาทิ บัวลอยไข่เค็มคู่, บัวลอยไข่หวานคู่,บัวลอยไข่เค็ม+ไข่หวาน , บัวลอยไม่ใส่ไข่  ซึ่งหากใครผ่านมาแถวท่าน้ำคลองสานหรือแวะมาเดินชอปปิ้งที่ท่าน้ำคลองสานพลาซ่าแล้วล่ะก็ ลองแวะมานั่งพักเหนื่อย พร้อมกับลองลิ้มชิมรสชาติบัวลอย ที่ “ร้านบัวลอยไข่เค็ม” นี้กันดู แล้วจะทั้งหายเหนื่อยและอิ่มหอมหวานกลับบ้านกันไป

"ร้านบัวลอยไข่เค็ม" ตั้งอยู่ที่ ล็อค E 5/2 ท่าน้ำคลองสานพลาซ่า ถ. เจริญนคร แขวง/เขตคลองสาน กทม. ร้านเปิดทุกวัน เวลา 14.00-19.00 ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย โทร. 0-1697-5971, 0-9016-7959




ที่มา ผู้จัดการ

ข้าวมันไก่ตอน ประตูน้ำ

แม้ “ข้าวมันไก่” จะเป็นเมนูอาหารจานเดียว ที่สามารถหากินได้ทั่วฟ้าเมืองไทย แต่หากจะหาร้านรสโอชะชวนกินนั้น อาจจะต้องสรรหากันสักนิดในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านประตูน้ำที่ถือว่ามีร้านข้าวมันไก่ชื่อดังอยู่หลายเจ้าด้วยกัน แต่ละร้านต่างก็มีสูตรและวิธีการทำที่แตกต่างกันออกไป อย่างกับร้าน“ไก่ตอนประตูน้ำ” ตรงซอยเพชรบุรี 30 นี่ก็เป็นหนึ่งในร้านดังที่การันตีในรสชาติด้วยการเปิดขายข้าวมันไก่ตอนมานานกว่า 40 ปีแล้ว


สำหรับข้าวมันไก่ตอน(จานละ 30 บาท พิเศษ 40 บาท)เมนูจานเด็ดของที่นี่ ทางร้านจะเลือกสั่งไก่มาจากฟาร์มที่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะ และเลือกไก่ตอนที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 2-3 กก. นำมาล้างและทำความสะอาดอย่างดี ก่อนจะนำไปต้มกับน้ำที่ใส่เกลือไว้ และต้มไก่นานประมาณ 45 นาที โดยมีเทคนิคการต้มเฉพาะของทางร้าน จนได้ไก่ตอนที่ทั้งเนื้อและหนังเต่งตึงชวนกิน ไก่ของที่ร้านนี้จะหั่นแล่มาเป็นชิ้นๆ ไม่ตบจนแบนเหมือนร้านอื่น

ส่วนข้าวมันทางร้านใช้ข้าวหอมมะลินำมาหุงกับน้ำซุปต้มกระดูกไก่ที่ปรุงรสชาติด้วยเกลือและซีอิ๊วขาว และมีกระเทียมเจียวกับน้ำมันไก่ใส่หุงลงไปพร้อมกันด้วย หุงจนข้าวสุกส่งกลิ่นหอม ลิ้มรสข้าวมันไก่ตอนถูกปากโดนใจทั้งตัวเนื้อไก่ที่ เนื้อแน่นนิ่ม เคี้ยวนุ่มปาก กลมกลึงรสชาติเข้ากับข้าวมันหอมกลิ่นกระเทียมเจียวอ่อนๆ ข้าวเป็นเม็ดนุ่มๆ ไม่แฉะไม่มันจนเกินไป และกินคู่กับน้ำจิ้มข้าวมันไก่สูตรไหหลำรสเด็ด ที่มีรสชาติกลมกล่อมปาก แถมยังมีพริกกับขิงให้ใส่เพิ่มความเผ็ดตามชอบ อ้อ!! เกือบลืมไปข้าวมันไก่ของที่นี่จะเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำซุปร้อนๆ ที่มีรสหวานกลมกล่อมน้ำต้มกระดูกไก่และได้เคี้ยวชิ้นฟักนิ่มๆอีกด้วย





นอกจากเมนูข้าวมันไก่ตอนอันเป็นเมนูชูโรงแล้ว ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ให้เลือกสั่งมากินคู่กับข้าวมันไก่อีก อย่างมะระซี่โครงหมูตุ๋น (30 บาท) เสิร์ฟมาเป็นโถร้อนๆ หอมกลิ่นน้ำซุปมะระอ่อนๆ ซดน้ำซุปร้อนๆ ชุ่มชื่นคล่องคอ น้ำซุปรสดีกลมกล่อม มะระตุ๋นจนเนื้อนุ่มเคี้ยวนิ่มไม่ขมปาก ซี่โครงหมูก็เปื่อยนุ่มไม่แพ้กัน

และก็ยังมีเมนูซดน้ำซุปร้อนอีกอย่าง คือ เป็ดตุ๋นเห็ดหอม (40 บาท) ซดน้ำซุปร้อนๆ หอมกลิ่นยาจีน เนื้อเป็ดนุ่มๆ สั่งมากินคู่กับข้าวมันเปล่าๆ ก็เข้าท่าดี หรือจะสั่งเป็นเมนู ไก่ตอน (จานละ 40, 60, 120 บาท) ข้าวมัน (ถ้วยละ 5 บาท) ข้าวหมูอบ (30 บาท พิเศษ 40 บาท) ที่ถ้าใครเป็นสาวกข้าวมันไก่เหมือน“ผ่านมาแวะกิน” แล้วลองหาโอกาสมาลองลิ้มข้าวมันไก่ตอนของที่ร้านนี้ เป็นต้องได้อิ่มพุงกางกลับบ้านกันไป





บรรยากาศร้านเป็นตึกแถว
 ตั้งอยู่ที่ปากซอยเพชรบุรี 30 ประตูน้ำ ถ.เพชรบุรี มักกะสัน ราชเทวี กรุงเทพฯ ร้านเป็นตึกแถวตั้งอยู่ริมถนนหน้าปากซอยเพชรบุรี 30 มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน
เปิดทุกวัน 2 รอบ เวลา 05.30-15.00 น. และ 17.00-03.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ : โทร. 0-2252-6325






เกาะเกร็ด ใกล้กรุง

นี่เป็นครั้งแรกที่ sudsai เคยมาจังหวัดนนทบุรี  ทั้งๆที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯแต่ไม่ยักกะรู้ว่าจะมีที่เที่ยวที่ขึ้นชื่อ อย่าง เกาะเกร็ด สถานที่ท่องเที่ยวที่คนชอบเที่ยว ชอบกิน ไม่ควรพลาด  ถ้าอย่างนั้นเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ sudsai ว่าเราก็ไม่ควรพลาดเหมือนกัน งั้นวันนี้ เราไปเที่ยวเกาะเกร็ดกันดีกว่า

การเดินทางไปเกาะเกร็ดก็ไม่ยากค่ะ นั่งรถเมล์สายอะไรก็ได้ที่ผ่านท่าน้ำนนท์ไปลงท่าน้ำนนท์ ส่วนตัวแล้วนั่งสาย 117 จาก ประชาสงเคราะห์ 23 ดินแดง มาค่ะ รถฟรีเยอะด้วย มาลงที่ท่าน้ำนนท์ แล้วก็ต่อสาย 32 มาลงที่ จัสโก้ สาขา ปากเกร็ด หรือถ้าไม่นั่งรถเมล์ก็จะมีรถตู้จากท่าน้ำนนท์ มาปากเกร็ด คนละ 10 บาท  พอมาถึงเราก็นั่ง สามล้อปั่นไปที่วัดสนามเหนือ 2 คน แค่ 15 บาทเอง ได้บรรยากาศอีกด้วย


พอจ่ายตังค์เสร็จ เราก็รีบเดินไปที่ท่าเรือข้ามฝาก โห!! คนเยอะมาก ใช่สิวันนี้วันหยุดด้วยคนต้องเยอะเป็นธรรมดา ตอนเรารอเรืออยู่มีพี่ผู้ชายคนนึงมายืนร้องเพลงให้พวกเราฟังด้วย พี่เขาบอกว่าเรือมีน้อยไม่อยากให้ลูกค้าเบื่อหรืออารามณ์เสียก็เลยมาร้องเพลงให้ฟัง ฮ่าๆๆๆ  ค่าข้ามฝากคนละ 2 บาทค่ะ แต่ไปจ่ายตอนขึ้นฝั่งนู้นนะค่ะ


มองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นพระมหารามัญเจดีย์ หรือ เจดีย์เอน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเกาะเกร็ด


เราขี้เกียจเดินก็เลยเช่าจักรยาน คันละ 40 บาท เหมาทั้งวัน (จอดทิ้งไว้ ไม่ต้องกลัวหายนะค่ะ เขาจะมีป้ายติดว่ารถเช่าของใครค่ะ แค่ระวังอย่าจำคันผิดแล้วกันจ้า)


คนเยอะมากค่ะ จักรยานที่เราเช่ามาก็เลยแห้ว  ต้องจอดทิ้งไว้ตรงทางเข้า แล้วเราก้เดินเขามาช้อปปิ้งกันข้างใน  ของกิน เสื้อผ้า ของใช้ จาน ชาม เต็มไปหมดเลยค่ะ 




ขนมที่นี่ก็ไม่แพง เป็นขนมไทย เช่น อาลัว ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง บ้าบิ่น ถั่วตัด ขนมโก๋ และอีกมายมายเลยค่ะ


หมวกสานกันร้อนใบนี้ แค่ 20 บาทเองค่ะ


ร้านนี้เครื่องปั้นดินเผาแล้วก็พวกเครื่องไม้กระจุกระจิกสวยมากๆ ไม่กล้าถามราคากลัวจะแพง


ฝอยทองร้านนี้น่ากินมากๆค่ะ เสียดายที่เราไม่ได้ล่องเรือไปคลองขนมหวาน ที่นั่นเราจะเห็นวิธีการทำขนมหวานพวกทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง กันแบบสดๆเลย


มาถึงเกราะเกร็ดทั้งที ต้องกินดอกไม้ทอดกันซะหน่อย หน่อกะลาอร่อยค่ะคล้ายๆทอดมันแต่เนื้อจะเด้งๆกว่า


เฮ้อๆๆ เดินช้อปจนเหนื่อยๆๆ เที่ยงแล้ว เราหาข้าวกินกันดีกว่า มาเกาะเกร็ดถ้าไม่ได้กินข้าวแช่ก็เหมือนมาไม่ถึง เอ้า ! งั้นเราไปกินข้าวแช่กัน   


ร้านนี้บรรยากาศดี ติดริมน้ำ ลมพัดเย็นสบาย เราสั่งข้าวแช่ชุดเล็กมา ก็จะมี ข้าวแช่ดอกอัญชัญ แล้วก็เครื่องเคียง เสริฟ์กับน้ำอัญชัญเย็นๆๆ  สบายกายจิงๆๆ


ทานเสร็จแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปไหว้พระที่วัดปรมัยยิกาวาส กันก่อนเลย เพื่อความเป็นสิริมงคล





เราแวะเข้าไปที่กลุ่มหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา ได้เห็นเขาปั้นเครื่องปั้นดินเผา ดูชำนาญมากๆ ลองให้เราไปปั้นซิ วันหนึ่งยังไม่เว็จเลยฮ่าๆๆๆ


ก่อนจะกลับเราก็ไม่ลืมซื้อของฝากคุณยาย นั่นก็คือ หมี่กรอบ นั่นเองค่ะ  


ตอนนี้ก็ 4 โมงเย็นแล้ว เรารีบกลับกันดีกว่า เดี๋ยวเย็นกว่านี้รถจะติดได้  ใครจะมาก็มากันแต่เช้าเลยนะค่ะ จะได้ไม่ร้อนแล้วจะได้เที่ยวได้ทั่วๆด้วย