วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ปราสาทหิน เขาพนมรุ้ง





วันนี้ sudsai จะขอพาเพื่อนๆชม โบราณสถานที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์กันค่ะ
ปราสาทหิน เขาพนมรุ้ง
ปราสาทหินเขา พนมรุ้ง สร้างมาเมื่อสมัย พันๆปีมาแล้วเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีทางความเชื่อแต่ครั้งกระนั้นของ กษัตริย์ในสมัยขอมรุ่งเรื่องอำนาจค่ะ วันนี้ sudsai ขอนำเสนอมาแบบคร่าวๆแล้วกันนะค่ะเพราะเวลามีน้อยเหลือเกิน

ปราสาทหิน เขาพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ค่ะ การเดินทางก็สะดวกสบาย ถนนก็ราบเรียบค่ะ รับรองเพื่อนๆท่านใดมีโอกาสได้ไปเป็นต้องหลงเสน่ห์ของที่นี่แน่ๆ



ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณะก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา ในช่วงแรกปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ชื่อพนมรุ้งแปลว่าภูเขาใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18
จารึกต่าง ๆ ที่นักวิชาการได้อ่านและแปลพอจะสรุปได้ว่า พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 3 กษัตริย์แห่งเมืองพระนคร (พ.ศ. 1487-1511) ได้สถาปนาเทวาลัยถวายพระอิศวรที่เขาพนมรุ้ง ซึ่งในสมัยแรก ๆ คงยังไม่ใหญ่โตนัก ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1544) ได้ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่เทวสถานพนมรุ้ง ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 นเรนทราทิตย์ เจ้านายแห่งราชวงศ์มหิทรปุระที่ปกครองดินแดนแถบนี้ (ซึ่งเป็นต้นตระกูลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างนครวัด) ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นและได้ทรงบำเพ็ญพรตเป็นโยคี ณ ปราสาทพนมรุ้ง



เมื่อก่อนชุมชนที่เคยตั้งอยู่บริเวณเขาพนมรุ้งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ เพราะนอกจากจะมีอ่างเก็บน้ำ ซึ่งใช้ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของปากปล่องภูเขาไฟเดิมเป็นอ่างเก็บน้ำอยู่บนเขาอยู่แล้ว ที่เชิงเขาก็มีอีก 2 สระ คือสระน้ำหนองบัวบารายที่เชิงเขาพนมรุ้ง และสระน้ำโคกเมืองใกล้ปราสาทหินเมืองต่ำ (ซึ่งเราไม่ได้ไปเพราะเย็นแล้ว)
บริเวณที่ตั้งของปราสาทพนมรุ้งอาจเคยเป็นที่ตั้งของศาสนพื้นถิ่นมาก่อนที่จะมีการก่อสร้างขึ้นเป็นปราสาท ที่มีความใหญ่โตงดงาม  ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งปราสาทพนมรุ้ง อันหมายถึงองค์พระศิวะในศาสนาฮินดูที่กษัตริย์ขอมทรงนับถือ 
ด้านข้างของทางเดินทางทิศเหนือมีพลับพลาสร้างด้วยศิลาแลง 1 หลัง เรียกกันว่า โรงช้างเผือก สุดสะพานนาคราชเป็นบันไดทางขึ้นสู่ปราสาท ซึ่งทำเป็นชานพักเป็นระยะ ๆ รวม 5 ชั้น สุดบันไดเป็นชานชลาโล่งกว้าง ซึ่งมีทางนำไปสู่สะพานนาคราชหน้าประตูกลางของระเบียงคด อันเป็นเส้นทางหลักที่จะผ่านเข้าสู่ลานชั้นในของปราสาท และจากประตูนี้ยังมีสะพานนาคราชรับอยู่อีกช่วงหนึ่งก่อนถึงปรางค์ประธาน

รูปปั้นทวารบาล เฝ้าหน้าประตูทุกทิศของตัวปราสาท คิดไหมว่าคนสมัยก่อนอาจจะตัวตัวเท่าเทวรูปนี้ก็น่าจะเป็นไปได้เนอะ  (ให้คิดเล่นๆกัน)






บรรากาศรอบๆตัวปราสาท


ศิวลึงค์ประดิษฐานภายในห้องครรภคฤหะ




ตรงนี้จะเป็นที่เกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้น ส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน โดยในวันที่ 3-5 เมษายน และ 8-10 กันยายน ของทุกปี นอกจากนี้ในวันที่ 6-8 มีนาคม และ 6-8 ตุลาคม ของทุกปี ดวงอาทิตย์ก็ตก ส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน เช่นกัน  เสียดายที่เราไม้ได้มาตรงกับวันเกิดปรากกการณ์ ไม่งั้นเราก็จะได้เห็นปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้กับตาจริงๆ (ได้แต่ดูในทีวี) 



ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์  
ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์เป็นทับหลังที่ปราสาทหินพนมรุ้ง นับเป็นโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่ถูกโจรกรรมไป เมื่อราวปี พ.ศ. 2503และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโกประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุดชาวไทยนำโดยรัฐบาลและหม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุลได้ทับหลังชิ้นนี้คืนมา ทันวันพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งพอดี ในปี พ.ศ. 2531
        ภาพสลักนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ทับหลังของมณฑปด้านทิศตะวันออกปราสาทประธานเป็นภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ โดยพระนารายณ์บรรทมตะแคงขวาเหนือ พระยาอนันตนาคราช ซึ่งทอดตัวอยุ่เหนือมังกรอีกต่อหนึ่งท่ามกลางเกษียรสมุทรมีก้านดอกบัวผุด ขึ้นจากพระนาภีของพระองค์มีพระพรหมประอยู่เหนือดอกบัวนั้นพระนารายณ์ทรงถือ คฑา สังข์  และจักรไว้ในพระหัตถ์หน้าซ้ายพระหัตถ์หลังซ้ายและพระหัตถ์หลังด้านขวา ตามลำดับส่วนพระหัตถ์หน้า ขวา รอบรับพระเศียรของพระองค์เองทรงมงกุฏรูปกรวยกภณฑล กรองศอ และทรงผ้าจีบเป็นริ้วมีชายผ้ารูปหาปลาซ้อนกันอยู่ 2 ชั้นด้านหน้าคาดด้วย สายรัดพระองค์มีอุบะขนาดสั้นห้อยประดับมีปพระลักษณมีชายาพระองค์ ประทับนั้นอยู่ตรงปลายพระบาทสำหรับพระพรหม ซึ่งประทับเหนือดอกบัวนั้น มีสี่พักตร์ สี่กรถัดจากองค์พระนารายณ์มาทางซ้ายบริเวณเลี้ยวของทับหลังมีรูปหน้ากาลคายพวงอุบะขนาดใหญ่ เหนือหน้ากาลมีรูปครุฑใช้มือยึดนาคไว้ข้างละต้นนอกจากนี้ยังปรากฏรูปสัตว์อื่น ๆได้แก่ นกแก้ว ลิง และนกหัสดีลิงก์คาบช้างอยู่ด้วยการบรรทมสินธุ์ของพระนารายณ์นั้นคือ การบรรทมในช่วงการสร้างโลกการบรรทมแต่ละครั้งนั้น จะเกี่ยวกับยุคเวลาในแต่ละกัลป์ภาพทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ที่ปราสาทพนมรุ้งนี้คงได้รับอิทธิพลจากคัมภีร์วราหปุราณะ เป็นคัมภีร์ที่ให้ความสำคัญแก่ พระนารายณ์เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ในขณะที่พระนารายณ์ กำลังบรรทมอยู่นั้นได้ทรางสุบินขึ้นจากพระนาภี บนดอกบัวได้บังเกิดพระพรหม และพระพรหมทรงเป็นผู้สร้างมนุษย์ และสิ่งต่าง ๆ
อ้างอิง : วิกิพีเดีย



เศียรพญานาค 


ด้านหน้าของ ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง



สะพานนาคราช

ถัดจากนั้นเป็นทางเดินทั้งสองข้างประดับด้วยเสามียอคล้ายดอกบัวตูมเรียกว่าเสานางเรียง จำนวนข้างละ 35 ต้น ทอดตัวไปยังสะพานนาคราช ซึ่งผังกากบาทยกพื้นสูง ราวสะพานทำเป็นลำตัวพญานาค 5 เศียร สะพานนาคราชนี้ ตามความเชื่อเป็นทางที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเทพเจ้า สิ่งที่น่าสนใจคือ จุดกึ่งกลางสะพาน มีภาพจำหลักรูปดอกบัวแปดกลีบ อาจหมายถึงเทพประจำทิศทั้งแปด ในศาสนาฮินดู หรือเป็นจุดที่ผู้มาทำการบูชา ตั้งจิตอธิษฐาน จากสะพานนาคราชชั้นที่ 1 มีบันไดจำนวน 52 ขั้นขึ้นไปยังลานบนยอดเขา


การเดินทางไปที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

ในการเดินทางไปที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งโดยใช้รถยนต์ส่วนบุคคล สามารถเลือกเดินทางได้ 2 เส้นทางออกจากตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ดังนี้
  • เดินทางโดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 218 (บุรีรัมย์-นางรอง) เป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (สีคิ้ว-อุบลราชธานี) ไปจนถึงหมู่บ้านตะโก ประมาณ 14 กิโลเมตร แล้วจึงเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2117 ผ่านบ้านตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติอีกประมาณ 12 กิโลเมตร ก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
  • เดินทางโดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 (บุรีรัมย์-ประโคนชัย) เป็นระยะทางประมาณ 44 กิโลเมตร ถึงตัวอำเภอประโคนชัย จะเห็นทางแยกที่จะไปอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ซึ่งใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 21 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2075 และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2117 ก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
ถ้าเดินทางโดยใช้บริการรถโดยสารจากขนส่งบุรีรัมย์ ก็ให้ขึ้นรถโดยสารสายบุรีรัมย์-จันทบุรี พอถึงที่หมู่บ้านตะโก แล้วจึงลงจากรถ จากนั้นจะมีรถสองแถววิ่งไปอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือไม่ก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้
เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความลึกลับและเสน่ห์ในความเป็นสถาปัตยกรรมโบราณของขอมอยู่มากเลยนะค่ะ ใครมีโอกาสน่าจะลองไปสัมผัสกับความงดงามที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ กันนะค่ะ
อ้างอิง : วิกิพีเดีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น